Heavy excavator for digging on day light

เอสซีจีให้ความสำคัญสูงสุดกับการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการคิดค้นวิธีการแก้ไขปัญหาด้านวัฏจักรหมุนเวียน เอสซีจีส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบและขยะส่วนเกินด้วยการค้นหาวิธีการใช้งานหรือออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับห่วงโซ่คุณค่า เราทำเช่นนี้โดยส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรและซัพพลายเออร์ ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ตอบสนองทุกมิติของ ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล

เป้าหมาย

  • วัสดุรีไซเคิลและหมุนเวียน 8 ล้านตันต่อปี ในปี 2568
  • เอสซีจีพี ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ หรือสลายตัวได้ ภายในปี 2573
  • เอสซีจีซี หมุนเวียนพลาสติกใช้แล้วกลับมาสร้างมูลค่าเพิ่ม 500,000 ตันต่อปี ภายในปี 2573
  • ขยะอันตรายและไม่อันตรายจากการผลิตในประเทศไทยถูกฝังกลบเป็นศูนย์ต่อปี
  • ขยะไม่อันตรายจากการผลิตในต่างประเทศถูกฝังกลบเป็นศูนย์ภายในปี 2566

ผลการดำเนินงานปี 2567

  • 8.93 ล้านตันวัสดุรีไซเคิลและหมุนเวียน
  • 99.7% ของบรรจุภัณฑ์ของ SCGP สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือทำปุ๋ยหมักได้ภายในปี 2568 พลาสติกใช้แล้ว
  • 185,200 ตันเข้าสู่กระบวนการผลิตขยะอันตรายและไม่อันตรายจากการผลิตในประเทศไทยถูกฝังกลบเป็นศูนย์
  • ขยะไม่อันตรายจากกระบวนการผลิตในต่างประเทศถูกฝังกลบ 6,968 ตัน

กลยุทธ์

  1. ลดปริมาณขยะที่แหล่งกำเนิด และลดปริมาณขยะอุตสาหกรรมที่ต้องฝังกลบ
  2. จัดการขยะตามหลัก 3Rs และเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งขยะอันตรายและขยะไม่อันตรายภายใน SCG ให้ดีที่สุด
  3. พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าวัสดุให้สูงสุด
  4. วิจัยและพัฒนาเน้นการนำขยะกลับมาใช้ใหม่และมูลค่าขยะเพิ่มขึ้น
  5. ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน

การทำงานร่วมกันของเครือข่ายเศรษฐกิจหมุนเวียน

  • เทรดอินสู่โลกใหม่ “เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบหมุนเวียนในระบบปิด” เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ SCGC จับมือกับ HomePro เชิญชวนลูกค้านำของใช้ในบ้านเก่ามาแลกสินค้าใหม่พร้อมส่วนลด โดยพลาสติกที่ใช้แล้วจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าจะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นเรซิน PCR (postconsumer recycling) คุณภาพสูง ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีเขียวภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMER™ จากนั้นจึงนำไปผลิตเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่โดยใช้ผลิตภัณฑ์หมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระบบปิดที่มอบคุณค่าใหม่ให้กับลูกค้า
  • โครงการ “SCGP Community LIKE (Zero) Waste” ส่งเสริมการจัดการขยะชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้และขยายผลจากชุมชนต้นแบบภายใต้โครงการ “SCGP Community LIKE (Zero) Waste” ในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี ปราจีนบุรี และขอนแก่น โดยในปี 2567 มีชุมชนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 106 ชุมชน ลดปริมาณขยะได้ 358 ตัน สร้างรายได้ให้ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการรวม 1.4 ล้านบาท

eBox: SCGP ส่งเสริมการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วของผู้บริโภคอย่างจริงจัง โดยจัดตั้งจุดรับกระดาษร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในโครงการต่างๆ เพื่อปิดวงจรการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่ โครงการ reBox ร่วมกับไปรษณีย์ไทย โครงการแลกเปลี่ยนกระดาษเก่าเป็นกระดาษใหม่ โครงการนำกระดาษกลับบ้านร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และโครงการ Packback ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนกว่า 90 แห่ง โดยในปี 2567 สามารถรีไซเคิลกระดาษเหลือใช้ได้ถึง 101 ตัน

  • Partnership with Circular Economy in Construction Industry (CECI):

CECI หรือ Circular Economy in Construction Industry เป็นเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง SCG Smart Living และ SCG Cement and Green Solutions ร่วมกับบริษัทชั้นนำ 38 แห่งที่มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างให้ยั่งยืนตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการพัฒนา ผ่านความพยายามเหล่านี้ CECI ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการมีส่วนร่วมในปี 2024 คือการจัดประชุมประจำปีครั้งที่ 2 ของ CECI ซึ่งเน้นที่การขับเคลื่อนนวัตกรรมสีเขียว การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดการปล่อยคาร์บอน โดยสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในทางปฏิบัติและสร้างผลกระทบ

Highlight Success Cases of Circular Economy and Waste Management in 2024

Recycled PVC Tiles from Dialysis Bags:

โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่นำถุงฟอกไตใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นแผ่น PVC คุณภาพสูง ภายใต้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนระหว่าง Principal Capital PLC (PRINC), Baxter Healthcare และ Dynoflex ถุงฟอกไตใช้แล้วทั้งหมด 5,320 ถุงได้รับการรีไซเคิล ซึ่งเทียบเท่ากับขยะ PVC มากกว่า 800 กิโลกรัม แผ่น PVC รีไซเคิลคุณภาพสูงที่ได้จึงถูกนำไปติดตั้งในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาล Princ สุวรรณภูมิ และมีแผนที่จะขยายโครงการนี้ไปยังโรงพยาบาลในเครืออีก 3 แห่ง และติดตั้งบนพื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการใช้ทรัพยากรให้สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย

Wake up Waste: การรพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายและจัดการขยะรีไซเคิล และให้บริการอัดขยะเคลื่อนที่ โดยรวบรวมขยะจากสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรม โรงพยาบาล สำนักงาน และคอนโดมิเนียม แล้วอัดขยะเพื่อขนส่งไปยังสถานที่รีไซเคิลที่เหมาะสมที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน Wake Up Waste รับซื้อขยะจากอาคาร 400 แห่ง และรีไซเคิลวัสดุไปแล้ว 2,000 ตัน นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังได้รับการขยายขอบเขตผ่านความร่วมมือกับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในโครงการ “ลดขยะที่ต้นทางกับบางจาก” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องการรวบรวมขยะรีไซเคิลในสถานีบริการน้ำมัน 50 แห่ง

NETS UP:

โครงการนี้ดำเนินการโดย มูลนิธิสิ่งแวดล้อม กองทุนเยาวชน และพันธมิตรยุติขยะพลาสติก (AEPW) ซึ่งดำเนินการรวบรวมและคัดแยกอวนจับปลาที่ใช้แล้วตามแนวชายฝั่งจังหวัดระยอง เพื่อรีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกและเสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในปี 2567 โครงการได้รวบรวมตาข่ายได้ 1,404 กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับวัสดุที่จำเป็นในการผลิตเสื้อยืด 3,300 ตัว และหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 20,812.5 กิโลกรัม CO2 เทียบเท่า

Waste Wittaya:

เนื่องจากเป็นโครงการริเริ่มภาคเอกชนแห่งแรกของประเทศไทยในการพัฒนาสื่อและกิจกรรมเพื่อการศึกษาด้านการจัดการขยะในโรงเรียน โครงการนี้จึงมุ่งหวังที่จะปลูกฝัง

ปลูกฝังแนวคิดการใช้และจัดการทรัพยากรอย่างมีสติตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับเยาวชน โดยในปี 2567 ได้นำร่องโครงการนี้ในโรงเรียน 5 แห่งในจังหวัดระยอง และมีแผนจะขยายผลไปยังโรงเรียนอื่นๆ ในอนาคต

COTTO’s ECO Collection tiles:

SCG Decor มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ กระเบื้อง COTTO ECO Collection ซึ่งผลิตจากวัสดุรีไซเคิลสูงสุดถึง 80% โดยนำของเสียจากกระบวนการภายในและโรงงานอื่นๆ มาใช้ทดแทนดินเหนียวธรรมชาติ ส่งผลให้มีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่ากระเบื้องทั่วไปอย่างน้อย 10%

COTTO Bio-Ceramic:

มีการพัฒนากระบวนการเคลือบเซรามิกโดยใช้เปลือกไข่สำหรับสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า ส่งผลให้เกิดต้นแบบสุขภัณฑ์เซรามิกชีวภาพชิ้นแรกของโลก นวัตกรรมนี้เข้ามาแทนที่การใช้แคลเซียมคาร์บอเนตจากธรรมชาติซึ่งก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระหว่างกระบวนการเผา ปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วและมีแผนที่จะผนวกรวมเข้ากับสายการผลิตภายในปี 2025 โดยคาดว่าจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ (หินปูน) ได้ 460 ตันต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดจากการผลิตได้ 930 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี

CPAC BIM solutions:

SCG Cement and Green Solutions ส่งเสริมการใช้โซลูชัน BIM ของ CPAC ในการออกแบบอาคาร เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบและการควบคุมคุณภาพในโครงการก่อสร้าง เทคโนโลยีนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการตรวจจับข้อผิดพลาด ช่วยลดข้อผิดพลาดในการก่อสร้างและงานซ้ำซ้อน จึงลดการสูญเสียทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เช่น เวลา แรงงาน และวัสดุ ลงได้ 5-15% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของโครงการ

บางซื่อโมเดล ความร่วมมือของพนักงานเอสซีจี

เอสซีจีเริ่มต้นปฏิบัติอย่างจริงจังภายในองค์กรด้วยโครงการ “บางซื่อโมเดล” ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมให้พนักงานของ เอสซีจีภายในสำนักงานใหญ่ บางซื่อ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตาม แนวทาง “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก” ด้วยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของพนักงานเอสซีจีทำให้โครงการบางซื่อโมเดลสามารถลดปริมาณขยะลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน และนำขยะที่แยกประเภทแล้วไปรีไซเคิลได้เพิ่มมากขึ้น

และในปี 2567 ยังคงเดินหน้าส่งเสริมและสร้างพฤติกรรมการลดปริมาณขยะ และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มดำเนินโครงการ Green Meeting หรือการจัดประชุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างการดำเนินการที่สำคัญ เช่น

  • Green Catering ลดการใช้ภาชนะประเภทพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในการจัดเครื่องดื่มและอาหารว่าง
  • Green Arrangement ควบคุมการเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเริ่มการประชุม 30 นาทีและอุณหภูมิอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส
  • การคำนวณค่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงจากการจัดประชุม เพื่อสร้างความตระหนักให้กับผู้ใช้งาน

https://www.scg.com/sustainability/circular-economy/