เอสซีจีตระหนักว่าน้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญและจำกัด ซึ่งจำเป็นต่อระบบนิเวศ ชุมชน และความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว จึงมุ่งมั่นดำเนินการบริหารจัดการน้ำอย่างรับผิดชอบ โดยสอดคล้องกับกรอบแนวทางสากล เช่น Alliance for Water Stewardship (AWS) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDG 6: การเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาล)

ในปี 2567 เอสซีจีมีการใช้น้ำรวมทั้งสิ้น 53.44 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงและการพึ่งพาทรัพยากรน้ำในทุกระดับของการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า

เอสซีจีใช้แนวทาง LEAP (Locate, Evaluate, Assess, Prepare) เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านธรรมชาติอย่างเป็นระบบ โดยเน้น:

  • การวิเคราะห์การพึ่งพาน้ำ
  • การระบุความเสี่ยงด้านน้ำ
  • การทำแผนที่ความเสี่ยงเชิงภูมิศาสตร์: ใช้เครื่องมือเช่น WWF Water Risk Filter และ WRI Aqueduct เพื่อระบุพื้นที่ที่มีความเครียดด้านน้ำสูง

เอสซีจีได้ประเมินพื้นที่ดำเนินงานจำนวน 52 แห่ง ครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 38 แห่งในสายงานตรง และ 14 แห่งในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้นำไปสู่การจัดทำ กลยุทธ์การบริหารจัดการน้ำของเอสซีจี ซึ่งประกอบด้วย:

  • ลดการดึงน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำที่มีความเครียดสูง
  • เพิ่มอัตราการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ
  • ติดตั้งระบบน้ำแบบปิด (closed-loop) ใน 100% ของสถานประกอบการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง

เอสซีจีมุ่งเน้นแนวทางแบบองค์รวมในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติ โดยผสานความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนในระยะยาว

กลยุทธ์การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

เอสซีจีมุ่งมั่นในการยกระดับการบริหารจัดการน้ำในทุกระดับของการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่า ผ่านแนวทางดังนี้

  1. ประเมินความเสี่ยงด้านน้ำอย่างครอบคลุม
    ดำเนินการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านน้ำในทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน พร้อมระบุบริการระบบนิเวศและการพึ่งพาทรัพยากรน้ำ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  2. ลดการดึงน้ำในพื้นที่ที่มีความเครียดสูง
    บริหารจัดการการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มความยืดหยุ่นของทรัพยากรน้ำ
  3. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์
    ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิผล ลดการสูญเสียน้ำ และสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน
  4. ส่งเสริมการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในพื้นที่ขาดแคลน
    เพิ่มอัตราการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และติดตั้งระบบน้ำแบบปิดในสถานประกอบการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงให้ครอบคลุม 100%
  5. ควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด
    ปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมาย และดำเนินการติดตามคุณภาพน้ำทิ้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  6. ร่วมมือในการจัดการลุ่มน้ำและฟื้นฟูระบบนิเวศ
    สนับสนุนโครงการจัดหาน้ำให้กับชุมชน และดำเนินการฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำเพื่อสร้างคุณค่าร่วมในพื้นที่ปฏิบัติงาน
  7. สร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
    ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่ายในการเข้าถึงน้ำสะอาด และการใช้น้ำอย่างยั่งยืน
  8. ส่งเสริมมาตรฐาน WASH ในองค์กรและชุมชนโดยรอบ
    สนับสนุนการเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด สุขาภิบาลที่เหมาะสม และความรู้ด้านสุขอนามัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานและชุมชน
  9. พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการบริหารจัดการน้ำ
    จัดอบรมและพัฒนาความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน

🎯 เป้าหมาย (Targets)

  • ลดการดึงน้ำจากภายนอกลง 5% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับแนวโน้มปกติ (BAU) โดยใช้ปีฐาน 2022
  • บรรลุการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการปล่อยน้ำเสียในทุกสถานประกอบการ 100% ทุกปี

📊 ผลการดำเนินงาน (Performance)

  • ปริมาณการดึงน้ำจากภายนอกเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับแนวโน้มปกติ (BAU) ปีฐาน 2022
  • บรรลุการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการปล่อยน้ำเสีย 100% ในทุกสถานประกอบการ

🤝 ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการน้ำและกรณีศึกษาความสำเร็จของเอสซีจี

เอสซีจีได้ร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลากหลายภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านน้ำและส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ความร่วมมือเหล่านี้นำไปสู่โครงการที่มีผลกระทบเชิงบวก ทั้งในด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน

🌿 โครงการความร่วมมือเพื่อบริหารความเสี่ยงด้านน้ำ

1. โครงการป่าชุ่มน้ำ – โรงงานปูนซีเมนต์ลำปาง
ตั้งแต่ปี 2546 ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างของเอสซีจี ได้ดำเนินโครงการ “ระบบป่าชุ่มน้ำ” ตามแนวพระราชดำริ เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศภายในพื้นที่โรงงานลำปาง
องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

  • ฝายชะลอน้ำจำนวน 7,000 แห่ง
  • แนวกันไฟป่ารวมระยะทาง 14,000 เมตร
  • ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเติมน้ำให้ป่า
  • ระบบ Stop Log ในลำห้วยปู่ เพิ่มปริมาณน้ำสำรอง 12,000 ลบ.ม./ปี
  • ระบบแยกน้ำสำรองสำหรับใช้ในโรงงาน

2. การบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก – เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC)
เพื่อตอบสนองต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ได้มีบทบาทนำในการบริหารจัดการน้ำแบบพหุภาคี
บทบาทสำคัญ ได้แก่

  • คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (NWRC): เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) เป็นตัวแทนภาคอุตสาหกรรมในการวางแผนความเสี่ยงด้านน้ำระดับภูมิภาค
  • คณะอนุกรรมการติดตามแนวโน้มสถานการณ์น้ำ: เข้าร่วมประชุมรายสัปดาห์กับสำนักงานชลประทาน 17 แห่ง และหน่วยงานรัฐ 16 แห่ง
  • คณะกรรมการลุ่มน้ำชายฝั่งตะวันออก: ให้ข้อเสนอแนะด้านการบริหารจัดการภัยแล้งและน้ำท่วมในจังหวัดระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI): เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) เป็นประธานกลุ่มงานด้านน้ำภายใต้ WEIS เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับลุ่มน้ำ

🌟 กรณีศึกษาความสำเร็จในปี 2567

1. โมเดลแม่ธาน – การเปลี่ยนเหมืองเก่าเป็นอ่างเก็บน้ำ
พื้นที่เหมืองเดิมถูกปรับเปลี่ยนเป็นอ่างเก็บน้ำ พร้อมติดตั้ง:

  • โซลาร์ลอยน้ำ
  • ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์
  • ส่งน้ำไปยังอ่างเก็บน้ำชุมชนเพื่อการเกษตร เพิ่มผลผลิตและรายได้

2. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ – SCGC
เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ประหยัดน้ำรวมทั้งสิ้น 123,000 ลบ.ม. ผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิต

  • บริษัท ไทยโพลีเอทิลีน จำกัด
    • นำไอน้ำควบแน่นกลับมาใช้ในกระบวนการตัดเม็ดพลาสติก: ประหยัด 20,088 ลบ.ม.
    • ปรับปรุงระบบคูลลิ่งทาวเวอร์: ประหยัด 11,849 ลบ.ม.
  • บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด
    • ปรับปรุงระบบไอน้ำ: ประหยัด 34,686 ลบ.ม.
    • ลดความเร็วปั๊มน้ำ: ประหยัด 19,496 ลบ.ม.

3. นวัตกรรมการรีไซเคิลน้ำ – SCGP
เอสซีจีพี (SCGP) ใช้ระบบรีไซเคิลน้ำขั้นสูงในกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษ:

  • ระบบแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับนำน้ำเสียกลับมาใช้: ประหยัด 0.22 ล้าน ลบ.ม./ปี
  • ปั๊มหมุนเวียนสำหรับการลำเลียงเยื่อ: ประหยัด 0.55 ล้าน ลบ.ม./ปี
  • ระบบ SaveAll และ PETAX สำหรับกรองและนำน้ำกลับมาใช้

🌎 การดำเนินงานด้านการลดผลกระทบและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ

1. การบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน
เอสซีจีร่วมมือกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (HII) และมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในการจัดการน้ำตามหลัก “หา เก็บ ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า” โดยสามารถเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและเกษตรกรรมกว่า 122,000 ลบ.ม. และช่วยเหลือ 12,000 ครัวเรือนใน 18 หมู่บ้าน ครอบคลุม 7 จังหวัด

2. การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด ร่วมกับเครือข่ายป่าชุมชนใน 13 อำเภอ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศป่าที่เสื่อมโทรม
โดยสร้างฝายชะลอน้ำกว่า 127,000 แห่ง และสนับสนุนโครงการป่าชุมชน 284 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300,000 ไร่

3. การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านน้ำในภาคอุตสาหกรรม
เอสซีจี ใช้แนวทาง 3Rs (Reduce, Reuse/Recycle, Replenish) ในกระบวนการผลิต จัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจเพื่อรับมือภัยแล้ง และพัฒนาโมเดลพยากรณ์น้ำด้วย AI และระบบเตือนภัยล่วงหน้าหลายประเภท

4. การฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่ง
ผ่านโครงการ “Sea Saver” เอสซีจี ได้ติดตั้งปะการังเทียมแบบพิมพ์ 3 มิติ (CPAC 3D Printing) เพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล จำนวน 1,115 ยูนิต ร่วมกับภาครัฐและภาคประชาสังคม

เอกสารดาวน์โหลด

 SCG Water Related Risks